วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

6 วิธีทำดีกับร่างกายของคุณ




เราอาจใช้เวลาค่อนวันเพื่อพิจารณาว่า "ฉันดูดีรึยัง?" แต่เคยสงสัยรึเปล่าว่า กว่าจะเริ่ดได้ขนาดนี้ ร่างกายของเราทำงานหนักแค่ไหน? เรามาทำดีกับร่างกายและส่วนต่าง ๆ ที่เรามักจะมองข้ามกันเถอะค่ะ!

1.ทำดีกับ...เกล็ดเลือด

สาวกเครื่องดื่มสีอำพันคงต้องเพลา ๆ หน่อยนะ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรจำกัดไว้ที่วันละ 1-2 แก้วก็พอ เพราะเกล็ดเลือดบอบบางมาก และแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปจะเป็นพิษต่อไขกระดูก ทำให้การสร้างเกล็ดเลือดบกพร่อง

ลองให้ของขวัญเกล็ดเลือดด้วยโฟเลตจากอาหารอย่างผักโขม ถั่วเลนทิล และหน่อไม้ฝรั่ง จะทำให้ไขกระดูกมีสุขภาพดี หากขาดสารอาหารความสามารถในการผลิตเกล็ดเลือดจะลดลง โดยเฉพาะเมื่อคุณตั้งครรภ์ และถ้าคุณรักเกล็ดเลือดของตัวเองละก็...เอามันออกไปซะ! ซึ่งการบริจาคโลหิตไม่มีอันตราย และร่างกายของคุณจะสร้างเกล็ดเลือดขึ้นมาใหม่ทันทีค่ะ (ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริจาคโลหิตได้ที่ เว็บไซต์ของสภากาชาดไทย http://www.redcross.or.th/)

2.ทำดีกับ...ร่องน้ำตา

นี่เป็นคำแนะน้ำด้านสุขภาพที่ง่ายที่สุดในประวัติศาสตร์ : กะพริบตาสิ! "การกะพริบตาทำให้น้ำตาสามารถสร้างชั้นเคลือบ เพื่อป้องกันไม่ให้ตาแห้งหรือมีสิ่งระคายเคืองได้" นี่เป็นคำแนะนำจาก ศ.จักษุวิทยา นพ.มาร์เกอไรต์ แม็กโดนัลด์ จาก New York University

อัตราการกะพริบตาของคุณจะลดลง เมื่อคุณจ้องจอคอมพิวเตอร์ และน้ำตาเทียมสามารถทำให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นได้ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้ร่องน้ำตาอุดตัน ให้ล้างมือบ่อย ๆ และพยายามอย่าสัมผัสดวงตา สำหรับสาว ๆ ที่ขาดอายไลเนอร์ไม่ได้ เมื่อเขียนขอบตา ให้หยุดมือก่อนจะถึงร่องน้ำตา "อายไลเนอร์แบบน้ำ หรือแบบดินสออาจทำให้ติดเชื้อได้" ดร.แม็กโดนัลด์เตือน และก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่าลืมล้างเครื่องสำอางให้สะอาดนะ...เดี๋ยวจะหาว่าสวยไม่เตือน

3.ทำดีกับ...ตับ

แสดงความรักต่อตับด้วยการระวังรอบเอวไว้ให้ดี เพราะคนที่มีน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะคนที่อ้วนบริเวณกลางลำตัว มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับ (Fatty Liver) ซึ่งเป็นโรคตับที่มีผลกระทบต่อคนอเมริกันประมาณ 30-40 ล้านคน แต่อย่าหวังพึ่งยาลดความอ้วน ในบางกรณี (ขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่าง เช่น กรรมพันธุ์และนิสัยการดื่ม) อาหารเสริมเพื่อการไดเอ็ตอาจเป็นพิษต่อตับของคุณได้ แม้แต่ในปริมาณน้อย ๆ

นอกจากนี้ การสักหรือเจาะตามร่างกาย จะทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นการติดเชื้อทางเลือด และอาจเกิดโรคตับแข็งได้ ดังนั้น จึงควรดูให้แน่ใจก่อนสักหรือเจาะว่า เครื่องมือและหมึกเป็นแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และฆ่าเชื้อผิวหนังบริเวณนั้นเสียก่อน

4.ทำดีกับ...ปอด

ขยับตัวซะหน่อยนะ การออกแรงจะช่วยออกกำลังกายปอดของคุณ ทำให้ปอดมีความจุเพิ่มขึ้น และร่างกายจะส่งออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อต่าง ๆ ในการทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามได้ดีขึ้น และหากต้องทำความสะอาดหรือทาสี ควรทาหน้ากากอนามัยมาใส่ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและสารพิษ ทั้งยังปกป้องปอดจากเศษผงที่มีขนาดเล็กมากด้วย สุดท้ายนี้ คือการหายใจลึก ๆ การออกกำลังกายที่ต้องหายใจลึก ๆ จะช่วยให้การทำงานของปอดส่งออกซิเจนไปยังร่างกายได้มากขึ้น และทำให้เรากระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

5.ทำดีกับ...กระเพาะปัสสาวะ

เมื่อปวด...อย่าอั้น เพราะอั้นปัสสาวะไว้นาน ๆ อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะล้าจนติดเชื้อ หรือปัสสาวะราดได้ และอย่าลืมดื่มน้ำมาก ๆ การขาดน้ำจะทำให้ปัสสาวะเข้มข้นขึ้นจนบางครั้งอาจทำให้ปัสสาวะเล็ด แถมกระเพาะปัสสาวะของเราอาจจะแสบ ๆ คัน ๆ เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดจะระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ ตัวร้ายที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ คาเฟอีน ผลไม้จำพวกส้มที่เป็นกรดและสับปะรด แต่อาหารที่มีผลต่อคนคนหนึ่งอาจจะไม่มีผลต่ออีกคนก็ได้ ดังนั้น ควรสังเกตให้ดีว่า อาหารการกินของคุณทำให้การปัสสาวะเปลี่ยนไปอย่างไร

6.ทำดีกับ...ปากมดลูก

ไปตรวจเป็นประจำสิคะ รู้มั้ยว่า 1 ใน 7 ของสาวอเมริกันไม่ยอมไปตรวจมะเร็งปากมดลูก แต่ถ้าไม่ไปตรวจ คุณหมอจะไม่ได้ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) และความผิดปกติต่าง ๆ ของเซลล์ที่จะทำให้คุณเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ อย่าลืมกินผักเยอะ ๆ เพราะการศึกษาจาก University of Arizona ในรัฐทัคซัน เปิดเผยว่า หญิงสาวที่กินผักมาก จะมีโอกาสน้อยกว่าถึงร้อยละ 50 ที่จะติดเชื้อไวรัส HPV เป็นเวลานาน

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีการเเปรงฟันที่ถูกต้อง


วิธีการแปรงฟัน

วิธีการแปรงฟันที่ถูกเป็นอย่างไร

การแปรงฟันที่ถูกต้องควรใช้เวลาอย่างน้อย 2 นาที หรือ 120 วินาทีนั่นเอง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ใช้เวลากับการแปรงฟันนานขนาดนั้น เพื่อที่จะควบคุมเวลา ควรจะใช้นาฬิกาจับเวลามาช่วย และเพื่อการแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรสบัดข้อมืออย่างสั้นๆ และอ่อนโยน โดยให้ความเอาใจใส่กับแนวเหงือก ฟันซี่ในที่แปรงยาก และบริเวณรอบๆ ฟันที่อุดหรือครอบ การทำความสะอาดแต่ละส่วนควรเป็นดังต่อไปนี้:

ทำความสะอาดด้านนอกของฟันบนจากนั้นต่อด้วยฟันล่าง
ทำความสะอาดด้านในของ ฟันบนจากนั้นต่อด้วยฟันล่าง
ทำความสะอาดบริเวณที่ใช้บดเขี้ยวอาหาร
เพื่อให้มีลมหายใจที่สดชื่น อย่าลืมทำความสะอาดลิ้นด้วย
วางแปรงทำมุม 45° กับแนวเหงือก และปัดออกจากแนวเหงือก .
แปรงเบา ๆ ทั้งด้านนอน ด้านใน และบริเวณบดเขี้ยวอาหารโดยการสบัดแปรงขึ้นลง .
แปรงเบา ๆ ที่ลิ้น เพื่อขจัดแบคทีเรีย และลดกลิ่นปาก.

ประเภทของแปรงสีฟันที่เลือกใช้ควรเป็นอย่างไร
ทันตแพทย์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า แปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มดีที่สุดต่อการขจัดคราบหินปูนและเศษอาหารจากฟัน หัวแปรงที่เล็กก็จะช่วยได้เช่นกันเนื่องจากสามารถเข้าถึงทุกบริเวณในปากได้ดีกว่า รวมทั้งบริเวณที่เข้าถึงได้ยากด้วย สำหรับหลาย ๆ คน แปรงสีฟันไฟฟ้าอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะช่วยทำความสะอาดได้ดีกว่า โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในการแปรงฟัน คลิกที่นี่ เพื่อดูว่าแปรงสีฟันคอลเกตแบบไหนที่เหมาะกับคุณ

แปรงสีฟันที่ใช้อยู่มีความสำคัญขนาดไหน
การใช้แปรงสีฟันที่เหมาะกับตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ทุกวันนี้ มีแปรงสีฟันหลากหลายชนิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อความต้องการต่าง ๆ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ คราบบนฟัน และอาการเสียวฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูว่าแปรงสีฟันชนิดไหนที่เหมาะกับคุณ คลิกที่นี่ เพื่อดูว่าแปรงสีฟันคอลเกตแบบไหนที่เหมาะกับคุณ

ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน
คุณควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อพบว่าขนแปรงเริ่มเสียหรือเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน แล้วแต่ว่าอะไรจะมาก่อน นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันที่คุณเป็นหวัด เพราะเชื้อโรคอาจตกค้างและทำให้เกิดการติดเชื้อได้

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

พอมเมอเรเนียน (Pomeranian)



ปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขพันธุ์เล็กขนนุ่มปุกปุย มีหัวเป็นรูปลิ่ม
หูตั้งชี้ขึ้น

บรรพบุรุษปอมเมอเรนียนย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์เชื่อกันว่า
ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นปอมเมอเรเนียนในปัจจุบันครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์ ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น แสดงว่าสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์